16 สิงหาคม 2555 @ ไปทำพินัยกรรมเงินฝากจากกระปุกออมสินให้หลานสาว ลูกน้องสาว ในฐานะลุงที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรให้หลานครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ขณะที่พิมพ์นี้ก็วันที่ 2 กันยายน 2555 แต่ว่าอยากเล่าย้อนไปถึงเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถ่ายภาพขณะที่ผมกำลังหยอดดระปุกออมสินกระต่ายให้กับหลานสาว (ลูกของน้องสาว) ที่ผมเคยเขียนบทความเก่าเอาไว้ ว่าจะหยอดกระปุกให้หลาน หวังว่าโตขึ้นเขาจะรับรู้ถึงเรื่องการออมที่อยากสอนเขา และยังเป็นการออมเล็กๆ เท่าที่ผมพอมีกำลังทำให้หลานได้ตามกำลังที่มีครับ มากกว่านั้นผมมีเรื่องเล่าสำคัญให้เพื่อนๆ ทราบเป็นกรณีศึกษาครับ

บทความนี้อยู่ในบล็อกที่มีมรณานุสติเป็นที่ตั้ง จึงอยากนำเสนอเรื่องขั้นตอนที่ผมอยากจะมอบเงินกระปุกออมสินให้หลาน ซึ่งผมก็มั่นใจว่า ผมต้องเสียชีวิตก่อนหลานจะบรรลุนิติภาวะแน่นอน เพื่อเป็นกรณีศึกษา ดังนี้ครับ
  1. ผมตั้งใจไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน ออมทรัพย์ เป็นชื่อหลานสาว ปรากฏว่า ทางธนาคารไม่ยอมให้เปิดบัญชีในชื่อหลาน หรือชื่อผมเพื่อหลาน เพราะว่า ผมไม่ได้เป็นพ่อ-แม่ หรือ ปู-ย่า ตา-ยาย โดยตรง เป็นลุง (พี่ชายแม่) ก็ไม่สามารถเปิดได้ วันนั้นผมจึงต้องเปิดบัญชีชื่อผมแทน
  2. อีกวันผมจึงดินทางไปที่อำเภอ เพื่อทำพินัยกรรม โดยมีสาระ มอบเงินในบัญชีทั้งหมดให้หลาน โดยแต่งตั้งให้น้องสาวเป็นผู้จัดการมรดก จนกว่าหลานจะบรรลุนิติภาวะ / ผมได้ทำเรื่องฝากพินัยกรรมไว้ที่หลาน และทางอำเภอได้ให้ใบรับพินัยกรรมมากับผม
  3. เอกสารที่ต้องนำไปทำพินัยกรรม คือ สำเนาใบเกิด+ทะเบียนบ้านของหลาย โดยให้คุณแม่ (น้องสาว) เซ็นต์มาด้วย และสำเนาทะเบียนบ้าน+บัตรประชาชนของน้องสาว และแน่นอนว่าเอกสารของผมก็ต้องเตรียมไปด้วย พร้อมกับสำเนาหน้าบัญชี ออมทรัพย์ชื่อผมที่มอบให้หลาน ซึ่งเงินกระปุกออมสินเปิดบัญชีครั้งแรก คือจำนวน 810 บาทครับ










กำลังรอเจ้าหน้าที่ทำพินัยกรรมให้ครับ

ตอนนี้ผมก็กำลังหยอดกระปุกออมสินให้หลานไปเรื่อยๆ นะครับ และคิดว่าคงฝากธนาคารได้ ปีละประมาณ 3-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับว่ากระปุกออมสินเต็มหรือยัง และผมยังตั้งใจอีกว่า หากตัวผมชำระหนี้สินหมดแล้ว เมื่อทำงานได้เงินมา หลังนำไปช่วยเหลือผู้อื่น 50% แล้วก็จะแบ่งให้หลานไว้อีกส่วนหนึ่งด้วยครับ และก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ผมสามารถทำเพื่อหลานได้มากกว่าที่เป็นอยู่ครับ

ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวอย่างของการทำพินัยกรรมง่ายๆ ที่อำเภอนะครับ ซึ่งเสียค่าธรรมเนียมเพียง 60 บาทเท่านั้นเองนะครับ ไม่ต้องถึงกับไปจ้างทนายที่ไหน หากสะดวกเก็บพินัยกรรมเองก็เอากลับมาด้วย หากไม่สะดวกก็ฝากไว้ที่อำเภอนะครับ มูลค่าจะมากจะน้อยอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับ การเตรียมการให้ตรงกับความรู้สึก ความต้องการ ของตัวเรานะครับ หากเราต้องจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังมีคนจัดการตามวัตถุประสงค์ของเรา เราก็จะตายตาหลับ แบบสบายๆ นะครับ ส่วนตัวนึกภาพตอนที่จะสิ้นลม อยากให้ตัวเองมีวินาที ที่มีแต่ความสุข สบายใจ ไม่กังวลใจอะไร ดังนั้น ทุกวันนี้อะไรทำได้ก็จะทยอยทำไปเรื่อยๆ ครับ

ขอบคุณครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมชื่นชมคุณปรีดาที่ได้ให้ความรู้ผมในการเขียน Blog แต่หากในหัวข้อเกี่ยวกับการเตรียมตัวในครั้งนี้ และอยากเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ผมอยากให้ลองศึกษาเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียนดูครับ (ผมเคารพในทุกศาสนาครับ ความเชื่อก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลครับ เราไม่บังคับกันอยู่แล้วจริงไหมครับ) http://www.rbcthailand.org

    ขอบคุณมากครับ
    นักเรียน Blogger

    ตอบลบ
  2. สวัสดีครับ คุณนักเรียน Blogger

    หากว่าคุณมีบทความที่ป็นลักษณะการระลึกรู้ เตรียมตัว ก่อนตาย ก็สามารถนำมาลงแบ่งปันในพื้นที่นี้ได้นะครับ ส่งมาที่ preeda.limnontakul@gmail.com แล้วผมจะนำมาลงให้นะครับ ยินดีเปิดพื้นที่ให้ครับ ได้ทุกศาสนาครับ

    ขอบคุณมากครับ
    ปรีดา

    ตอบลบ